search

หน้าแรก
แต่งรูป อาหาร ท่องเที่ยว รีวิว แอปพลิเคชัน โทนเกาหลี โทนญี่ปุ่น โทนสายฝอ การถ่ายรูป มุมถ่ายรูป อยากเล่า
เกี่ยวกับเรา
Follow Us
B-logFé

บทความ

แต่งรูป อาหาร ท่องเที่ยว รีวิว แอปพลิเคชัน โทนเกาหลี โทนญี่ปุ่น โทนสายฝอ การถ่ายรูป มุมถ่ายรูป อยากเล่า
Home » B-logFé อยากเล่า » เศรษฐกิจแย่ในอดีตผ่านพ้นมาได้อย่างไร? - B-logFé อยากเล่า
เศรษฐกิจแย่ในอดีตผ่านพ้นมาได้อย่างไร? - B-logFé อยากเล่า

เศรษฐกิจแย่ในอดีตผ่านพ้นมาได้อย่างไร? - B-logFé อยากเล่า

Anna w
เมษายน 23, 2568
วิกฤตเศรษฐกิจของไทย

หากเทียบเศรษฐกิจในปีนี้ก็คงต้องบอกว่าค่อนข้างเริ่มวิกฤตแล้วก็ว่าได้ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างไว้มากทั้งขึ้นสุด-ลงสุดจนบางครั้งตั้งตัวกันไม่ทันเลย หลังจากช่วงโควิดที่ซบเซาผ่านไป ยังมีการเปลี่ยนแปลงด้านการปกครองเข้ามาอีก และถูกสมทบด้วยภัยธรรมชาติกระหน่ำซ้ำ 


จริงๆ แล้วผลกระทบที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจอาจจะไม่ได้กระทบโดยตรงแบบรวดเร็วกับผู้คนตัวเล็ก แต่อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจพวกนี้ไม่ว่าจะเจออะไรก็จะส่งผลกระทบเป็นโดมิโน่ค่อยๆ ล้มทับกันมาเรื่อยๆ จากรายแรกสู่รายถัดๆ ไป โดมิโน่ใครใหญ่ก็ถืออว่ายังพอยืนหยัดได้ แต่ถ้าถูกโหมกระหน่ำไปนานๆ ก็อาจล้มได้เช่นกัน ขนาดรายใหญ่ยังไม่เหลือแล้วจะสู้อะไรกับโดมิโน่ตัวเล็กๆ 


ทั้งข่าว ทั้งการเมือง ทั้งเรื่องราวต่างๆ ที่บางสิ่งอาจจะดูเหมือนเรื่องไกลตัว เพราะเราไม่ได้อยู่ส่วนนั้น แต่เมื่อเป็นเศรษฐกิจแล้วก็ไม่อาจหนี้พ้นได้ เพราะเรายังคงเลี้ยงชีพและดำรงอยู่บนโลกนี้ด้วยการมีเงินทั้งนั้น การเงินมาจากเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจพัง การรองรับในเรื่องนี้ การใช้ชีวิตก็ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อการอยู่รอด บางคนที่วางแผนมาแล้วอาจไม่ได้กระทบอะไร แต่สำหรับบางคนที่ไม่ได้เตรียมตัวก็มีการเกิดผลกระทบขึ้น 


การลงทุน หุ้น การเมืองในข่าวหลายๆ สำนักทุกวันนี้ และความที่โลกกลายเป็นออนไลน์จับต้องได้ง่ายแล้วนั้น บอกเลยว่าสิ่งพวกนี้ล้วนส่งผลต่อการตัดสินใจของคนทั้งสิ้น (และเป็นการตัดสินใจของรายใหญ่ซะส่วนมากที่ส่งผลกระทบต่อระบบ) ถ้าให้ยกเคสที่เข้าใจง่ายคงเป็นเคสของ "ราคาทองคำ" ที่พุ่งขึ้นรวดเร็วอย่างน่าใจหายในเวลาไม่กี่วันจนหลายๆ คนตกใจและตื่นตูมตามๆ กัน เราอาจมองว่าก็เราไม่ได้เป็นคนซื้อทองอยู่แล้ว "เราใช้ชีวิตเรื่อยๆ ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับเมืองใหญ่ทำไมต้องกลัว" แต่หารู้ไม่ว่าทุกอย่างที่เปลี่ยนแปลงอย่างเสียสมดุลพวกนี้กำลังค่อยๆ บ่อนทำลายระบบและโลกใบนี้ทั้งนั้น สุดท้ายแล้วในอนาคตจะมีใครยืนหยัดอยู่ได้ ถึงบอกว่าโลกนี้ไม่มีชนชั้น แต่ทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจว่าในสังคมมันยังคงอยู่ในอีกรูปแบบหนึ่ง คนที่ไม่มี "ฟูก" รองรับคงเจ็บตัวอยู่มากเช่นกันเมื่อเจอวิกฤต แต่ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็เป็นคนที่อยู่ในระบบสังคมเหมือนกันย่อมส่งผลกระทบกับทุกคน 


เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ ทำให้นึกสงสัยว่าช่วงที่ไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ที่สุดในครั้งประวัติศาสตร์ พวกเขา "ผ่านพ้น" มาได้อย่างไร จากการเสียสมดุลครั้งนั้น ทำให้มันค่อยๆ เริ่มกลับมาสมดุลอีกครั้งได้อย่างไร วันนี้เราจะพามาตามหาบทเรียนผ่านอดีต เพื่อนำมาทบทวนความคิดกันอีกครั้ง


วิกฤตเศรษฐกิจไทยช่วงตกต่ำที่สุด

1. วิกฤตต้มยำกุ้ง (ปี 2540)

เหตุการณ์ : ประเทศไทยประกาศลอยตัวค่าเงินบาท เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 หลังจากถูกโจมตีค่าเงินอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนเริ่มเทขายเงินบาทจนค่าเงินพังทลาย บริษัทที่กู้เงินสกุลต่างประเทศเจอปัญหาทันทีเมื่อเงินบาทอ่อนตัวอย่างรวดเร็ว ฟองสบู่อสังหาฯแตก ธนาคารพาณิชย์เจอหนี้เสียมหาศาล

ผลกระทบ : ค่าเงินบาทอ่อนตัวจาก 25 บาท/ดอลลาร์ ไปเกิน 50 บาทในไม่กี่เดือน , ระบบธ.พาณิชย์ล้มหลายแห่ง , เศรษฐกิจหดตัวประมาณ -10.5% ในปี 2541 , ธุรกิจขนาดกลางและเล็กล้มละลายจำนวนมาก , คนตกงานนับล้านคน

เมื่อเปรียบเทียบเป็นตารางง่ายๆ

วิกฤตเศรษฐกิจของไทย
เรามาดู "สัญญาณเตือน" ก่อนที่ฟองสบู่เศรษฐกิจไทยจะแตกกันดีกว่าว่ามีสัญญาณอะไรบ้าง
1. การขยายตัวของสินเชื่ออย่างรวดเร็ว
เงินกู้ในระบบพุ่งสูงมาก โดยเฉพาะภาคอสังหาฯ , ธ.ปล่อยกู้แบบหลวมๆ โดยไม่พิจารณาความสามารถในการชำระคืน
*สัญญาณเตือน : ธุรกิจหลายแห่งสร้างโครงการใหม่โดยหวังว่าราคาจะขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าความต้องการจริง
 
2. ราคาสินทรัพย์ (อสังหาฯ, หุ้น) พุ่งเกินปัจจัยพื้นฐาน
ตลาดหุ้นไทยแตะระดับสูงสุด 1700 จุด ในปี 2537 , โครงการคอนโด และตึกสำนักงานใหม่ผุดขึ้นเต็มกรุงเทพฯ แม้ยังไม่มีผู้ซื้อจริง
*สัญญาณเตือน : เกิดภาวะ "เก็งกำไร" มากกว่าการลงทุนเพื่อใช้งานจริง , ราคาสินทรัพย์ไปไกลกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น 

3. หนี้ต่างประเทศสะสม (โดยเฉพาะหนี้ภาคเอกชน)
บริษัทไทยนิยมกู้เงินดอลลาร์เพราะดอกเบี้ยต่ำกว่าในประเทศ แต่ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน(hedge) เพราะคิดว่าบาทจะคงที่ 
*สัญญาณเตือน : หนี้ต่างประเทศของไทยพุ่งเกิน 100,000 ล้านดอลลาร์ เสี่ยงสูงมากหากเงินบาทอ่อนตัว

4. ดุลบัญชีเดินสะพัดติดลบต่อเนื่อง
ไทยนำเข้าสินค้ามากกว่าส่งออกหลายปีติดกัน หมายถึถงประเทศต้องพึ่งพาเงินทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อหมุนเศรษฐกิจ
*สัญญาณเตือน : ความเปราะบางของเศรษฐกิจเริ่มชัดขึ้น แต่คนยังมองโลกในแง่ดี

5. นักลงทุนต่างชาติเริ่มถอนเงิน
มีสัญญาณเงินทุนไหลออกกดดันค่าเงินบาท ธปท.ต้องใช้เงินทุนสำรองมหาศาลเพื่อป้องกันการโจมตีค่าเงิน

6. ธนาคารและสถาบันทางการเงินเริ่มมีปัญหาสภาพคล่อง
บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เริ่มขาดทุน จากโครงการอสังหาฯที่ขายไม่ออก


2. วิกฤตการเงินโลก (ปี 2551)

เหตุการณ์ : เริ่มจากวิกฤตสินเชื่อซับไพรม์ในสหรัฐฯ ลุกลามเป็นวิกฤตการเงินโลก

ผลกระทบ : การส่งออกของไทยชะลอตัวหนัก เพราะเศรษฐกิจโลกหดตัว , GDP ไทยในปี 2552 หดตัวประมาณ -0.7% , นักลงทุนถอนเงินออกจากตลาดเกิดใหม่ รวมถึงไทย , ภาคการท่องเที่ยวซบเซา


3. วิกฤตโควิด-19 (ปี 2563-2565)

เหตุการณ์ : การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบทั่วโลก รวมถึงไทย

ผลกระทบ : GDP ปี 2563 หดตัวถึง -6.2% , การท่องเที่ยวหยุดชะงัก รายได้หลักของประเทศหาย , ว่างงานจำนวนมาก โดยเฉพาะแรงงานในภาคบริการ , หนี้ภาครัฐเพิ่มสูงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฃ


นอกจากนี้ยังมี ปี 2516-2519 : วิกฤตการเมือง + ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูง (oil shock)

ปี 2535-2536 : ความไม่แน่นอนทางการเมืองส่งผลต่อการลงทุน 


แต่เมื่อพูดถึงเศรษฐกิจแย่ดังๆ คงหนีไม่พ้นฟองสบู่แตกแน่นอน จากที่พูดถึงเหตุการณืและสัญญาณเตือนในช่วงนั้นแล้ว เรามาดูช่วงหลังฟองสบู่แตกกันบ้าง ว่าในปีแห่งความเจ็บปวดเกิดอะไรขึ้น

ปลายปี 2540 - ธุรกิจล้มเป็นแถบ โดยเฉพาะอสังหาฯและบริษัทที่มีหนี้สกุลต่างประเทศ , คนตกงานนับล้าน , SME ปิดกิจการเป็นจำนวนมาก , GDP ไตรมาส 4 หดตัวรุนแรง

ปี 2541 - ปีที่เศรษฐกิจไทยติดลบหนักที่สุด GDP ติดลบ -10.5% (ต่ำสุดในประวัติศาสตร์) , ดอกเบี้ยสูง คนไม่กล้าลงทุน ธนาคารไม่กล้าปล่อยกู้ ค่าเงินบาทยังอ่อนค่า (เฉลี่ยประมาณ 40-45 บาท/ดอลลาร์)

ปี 2542 - เริ่มเห็นสัญญาณฟิ้นตัวอย่างช้าๆ การส่งออกเริ่มกลับมา , เงินทุนไหลกลับบางส่วน ภาคอสังหาฯยังไม่ฟื้น แต่ธุรกิจอื่นเริ่มหายใจได้


เมื่อสรุปแบบภาพรวมเป็นตารางให้เข้าใจง่าย

วิกฤตเศรษฐกิจของไทย
และเมื่อสรุปเป็นกราฟเพื่อให้มองเห็นจุดต่างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

วิกฤตเศรษฐกิจของไทย

แล้วสรุปว่าไทยกลับมาฟื้นฟูได้อย่างไร? 

วิกฤตเศรษฐกิจของไทย

แล้วชีวิตจริงของคนไทยช่วงหลังฟองสบู่แตก (2541-2545) เป็นอย่างไร
เรามาดูเป็นภาคๆ เลยดีกว่า เพราะเศรษฐกิจนั้นไม่ได้ฟิ้นแบบ "ตู้ม" แต่มันจะฟื้นตัวอย่างช้าๆ เหมือนคนล้มแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืนใหม่ 

1. คนทำงาน/มนุษย์เงินเดือน "ต้องรอดก่อนค่อยว่ากัน" - คนตกงานเพียบ , เงินเดือนถูกลด แต่ทำงานเท่าเดิม , คนเก่งๆ ต้องปรับตัว จากที่เป็นผู้จัดการ ต้องมาขับแท็กซี่ หรือขายของ , ไม่มีใครกล้าลาออก เพราะหางานใหม่ยาก บริษัทที่ประกาศรับคน แต่ไม่รับจริง

2. ธุรกิจ/SME "ขายไม่ได้ แต่ยังต้องสู้" - ร้านค้าเล็กๆ ต้องลดขนาด ลดพนักงาน , โครงการอสังหาฯ ไม่มีคนซื้อกลายเป็น "ตึกผี" เยอะมากในกรุงเทพฯ , บางคนเปลี่ยนธุรกิจใหญ่ หันไปทำของกินขายของชุมชนแทน อย่าง OTOP ที่เริ่มเห็นก็ตอนนี้

3. ชาวบ้าน/เกษตรกร "กลับบ้านดีกว่า" - คนตกงานย้ายกลับภูมิเลานำ บางคนเริ่มทำเกษตรพอเพียงเลี้ยงเป็ดไก่ ขายของตลาดนัด บางชุมชนพึ่งพากันเอง (เศรษฐกิจชุมชนเริ่มเห็นชัดเจน)

4. นักเรียน/นักศึกษา "เรียนจบแล้วไม่รู้จะทำอะไร" - เรียนจบตกงานเพียบ โดยเฉพาะสายบริหาร บัญชี การเงิน ซึ่งเป็นสาย "ฮิต" ในสมัยก่อน หลายคนเรียนต่อเพื่อเลี่ยงการตกงาน บางคนเริ่มสนใจทำของขาย / ธุรกิจส่วนตัวมากขึ้น (ยุคต้นๆ ของคนรุ่นใหม่เริ่มอยากเป็นเจ้าของกิจการ)

5.บรรยากาศในสังคม - คนระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ขอเก็บเงินก่อนเผื่ออนาคต , เริ่มพูดถึงความพอเพียง แนวคิดนี้เริ่มมีบทบาทมากขึ้น , ความรู้ทางการเงินเริ่มถูกพูดถึง เช่น การออม การลดหนี้ การไม่ใช้จ่ายเกินตัว


แต่ถึงแม้จะเจ็บแต่คนไทยก็ปรับตัวได้เร็วมาก
คนรุ่นใหม่ตอนนั้นเริ่ม "ยืดหยุ่น + หาทางรอด" มีการเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ มากขึ้น เกิดวลีฮิตอย่าง "สู้แล้วรวย" "พอเพียงแต่ไม่จน" "ทำอะไรทำเลย อย่ารอเวลา"

หากจะให้ส่งท้ายกับบทความนี้ทุกคนที่ได้อ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบคงได้รู้ถึงเหตุการณ์และการปรับตัวของคนในยุคนั้นแล้วว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ทั้งนั้นมีขึ้นสุดย่อมมีลงสุด มีลงสุดก็ต้องมีขึ้นได้เช่นกัน ค่อยเป็นค่อยไปคือสิ่งที่ยั่งยืนเสมอ จากนี้คงต้องค่อยๆ ปรับตัวและวางแผนของแต่ละคนให้เป็นอย่างดี อย่าวิตกจนเกินเหตุ ค่อยๆ คลายปมแต่ละปัญหาของตนเอง อย่าทำอะไรจนเกินตัวและใช้วิจารณญาณในการรับความคิดจากสิ่งต่างๆ ที่จะเข้ามาให้ดีด้วยเช่นกัน เพราะคำพูดต่างๆ หรือข่าวต่างๆ ต่างมีแนวโน้มจูงใจหรือสร้างให้เกิดอะไรสักอย่างอยู่แล้ว 

ระบบสังคมสร้างเงินสร้างงานให้เราก็จริง แต่อย่าลืมว่าเรายังอยู่บนโลกที่ธรรมชาติต่างหากที่ให้ทุกอย่างกับเราอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่มันอาจจะสิ้นสุดลงได้หากโดนบ่อนทำลายลงเรื่อยๆ จากน้ำมือมนุษย์ เรานำธรรมชาติมาสร้างให้เกิดประโยชน์มากมายต่อสังคม แต่เราไม่เคยกลับมามองดูและรักษาธรรมชาติกันไว้เลย สนใจแต่ผลประโยชน์ที่มันจะทำให้เราได้มีสังคมยืนอยู่ สุดท้ายหากจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่างสิ้นสุดลง จะมีจุดต่อไปได้อย่างไร อยากให้เกิดจุดจบแบบไหน เชื่อว่าหากทุกคนกลับมาคำนึงถึงธรรมชาติเป็นหลักทุกคนคงจะเห็นจุดจบหรือจุดต่อไปของโลกนี้ได้อย่างแน่นอน แม้ว่าเราจะเป็นคนตัว "เล็กๆ" ที่อาจจะมีอิทธิพลไม่เทียบเท่าคน "ตัวใหญ่" แต่จงคำนึงไว้อย่างนึงว่า คุณก็คือคนส่วนหนึ่งที่เป็นคนสร้างคน "ตัวใหญ่" ขึ้นมา คนบนโลกมีอิทธิพลต่อโลกทุกคนหากทุกคนคือมนุษย์เหมือนกัน ธรรมชาติไม่สนว่าใครจะใหญ่หรือเล็ก หากมันต้องการเอาคืนเพื่อปรับสมดุลของตัวมันเองก็ไม่มีใครโทษมันได้ สิ่งที่ควรทบทวนจริงๆ คืออะไร เราอยู่ที่ไหน เราใช้อะไร สิ่งที่ทำให้เรามีร่างกายที่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้คืออะไร สิ่งต่างๆ ล้วนมีที่มาจากธรรมชาติทั้งนั้น แล้วเหตุใดทำไมไม่ลองกลับมาใช้ชีวิตกับธรรมชาติดูอีกครั้งกันบ้าง รักตัวเองก็อย่าลืมรักโลกที่ตัวเองอยู่ด้วยล่ะ

______________________________


ติดตามการเล่าในเรื่องที่เราอยากรู้กับช่วง "อยากเล่า" ได้ทุกช่องทางด้านล่าง

Website : www.b-logfe.com
Facebook : B-logfé
Pinterest : B-logFé
TikTok : blogfe
Instagram : b_logfe.official



บทความอื่นที่น่าสนใจ

•   ทำไมต้องใส่แหวนแต่งงานที่นิ้วนางข้างซ้าย? - B-logFé อยากเล่า
•   ทำไม "ด้ายแดง" ถึงเป็นสัญลักษณ์ของเนื้อคู่? - B-logFé อยากเล่า
•   แต่งรูปโทนฟ้าสไตล์ญี่ปุ่นง่ายๆ ด้วย lightroom | Lightroom
•   แต่งรูปอาหารเพิ่มความสดใสน่าทานง่ายๆ | Lightroom
•   แต่งรูป lightroom โทนทะเล ภาพสวยน้ำทะเลใส | Lightroom
•   เปลี่ยนสีน้ำทะเลให้เป็นสีน้ำเงินใส แต่ผิวยังสวยด้วย Lightroom
•   แต่งรูป lightroom "โทนสดใส" ให้ผิวสว่างสวย | Lightroom
อยากเล่า, B-logFé อยากเล่า
Labels: อยากเล่า, B-logFé อยากเล่า
บทความที่เก่ากว่า บทความใหม่กว่า หน้าแรก

Follow Us

Facebook Twitter Instagram Pinterest

Popular Posts

  • แต่งรูป lightroom โทนทะเล ภาพสวยน้ำทะเลใส | Lightroom
    สวัสดีค่าทุกคน สายทะเลฮีลใจเชิญทางนี้ วันนี้เรามีการ แต่งรูปโทนทะเล lightroom มาฝาก บอกเลยว่าแต่งตามกันได้ง่ายมากๆ  ตัวโทนทะเลจะ ทำให้เ...
  • แต่งรูปปรับผิวขาวสว่างใส เนียนแบบธรรมชาติด้วย Lightroom
    กล้องสมัยใหม่ที่ถ่ายออกมาแล้วหน้าผิวคือดีแม้กล้องสดแล้วนี่ บางทีก็อาจจะมีบางโทนที่เราไม่ชอบด้วยเช่นกัน เนื่องจาก โทนอาจเหลืองไป หรือซีดไป...
  • ไอเดียสีผมตาม Personal Color ดูดีได้ในสีที่ใช่
    ไหนใครอยาก เปลี่ยนสีผม เปลี่ยนลุค กันบ้าง แต่ไม่รู้จะทำสีอะไร กลัวว่าทำแล้วจะออกมาดูไม่ดี ดูหมองบ้าง ไม่เหมาะกับตัวเองบ้าง เลือกสีไม่ถูกบ...
  • อนิเมะภูตผี ยมทูตกับเรื่องราวฮาๆปนน่ารัก | รีวิวอนิเมะ
    สวัสดีค่ะทุกคน ใครเป็นแฟน อนิเมะแฟนตาซี มารวมกันทางนี้เลย  วันนี้เราจะพามาดู อนิเมะแนวภูตผี ยมทูตและเทพต่างๆที่ไม่ใช่ดราม่า แต่จะมาฮาและม...
  • แต่งรูปโทนทะเลสวยหรู งดงามมากด้วยไอโฟน | iPhone
    สวยมาก! หรูมาก! แพงมาก! วันนี้ขอขึ้นต้นด้วยคำนี้เลย เพราะโทนนี้มันปังมากแม่! ใครที่ไปทะเลเพื่ออะไรก็แล้วแต่ แต่เมื่อมีรูปกลับมา ขอให้ลอง...
  • แต่งรูปปรับผิวหมองให้ผ่องใสง่ายๆ โดยไม่ใช้แอป! | iPhone
    สวัสดีค่าทุกคน วันนี้เรามี ทริคการแต่งรูป ดีๆ สำหรับสายชอบความเป็นธรรมชาติของรูป วิธีการปรับนี้จะใช้ตอนรูปที่ถ่ายได้มีความผิวหมอง ไม่สว่...
  • แต่งรูปโทนสำหรับนักปีนเขา ได้ฟิลป่าลึกสุดคมเข้ม | iPhone
      สวัสดีค่าทุกคน วันนี้เรามี โทนสำหรับคนรักเขามาฝากอีกโทน ใครกำลังมองหาโทนสวยๆ ไว้ใส่กับภาพสวยๆ ที่ถ่ายมาเพื่อให้มู้ดดูดี ดูชื่นชมธรรมชา...
  • รวมสูตรแต่งรูปไอโฟน 8 โทนฮิตใน TikTok | iPhone
    กลับมาอีกครั้งกับการรวม สูตรแต่งรูปไอโฟน(ภาคต่อ) ที่ทุกคนรอมานาน วันนี้เรารวมมาให้ในที่เดียวอีก 8 โทนฮิตใน TikTok ที่เราได้สอนแต่งเป็นค...
  • แต่งรูปภูเขาและสายหมอก แบบดาร์กๆ เยือกเย็น | iPhone
     สำหรับสายธรรมชาติบำบัดทั้ง ชอบปีนเขาเอย ชอบถ่ายรูปต้นไม้เอย ไปสูดอากาศในที่สูงๆ เอย วันนี้เรามีโทนที่ทำให้ชื่นใจมาฝากกันอีกแล้ว ใครได้ส...
  • อนิเมะลึกลับ!! กับปริศนาที่จะทำให้ทุกคนงง!! | Review Anime
    สวัสดีค่าทุกคน หลังจากที่ได้รีวิว อนิเมะผีๆ กันไปแล้วและได้ห่างหายจากการรีวิวอนิเมะไปนานขนาดนี้ ทุกคนดูเรื่องที่รีวิวในบทความที่แล้วหมดกันร...

Tags

  • Lightroom
  • Snapseed
  • ท่องเที่ยว
  • พร็อพถ่ายรูป
  • มุมถ่ายรูป
  • รีวิว
  • รีวิวอนิเมะ
  • สอนแต่งรูป
  • อาหาร
  • แต่งรูป
  • แต่งรูปไอโฟน
  • แอปพลิเคชัน
  • โทนญี่ปุ่น
  • โทนสายฝอ
  • โทนเกาหลี

  • เกี่ยวกับเรา
  • Privacy Policy
  • Cookies Policy


    Follow Us

Copyright © 2019-2024 B-logFé. All rights reserved.
×
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดี เราจึงนำคุกกี้ที่บันทึกการเข้าชม และการใช้งานบนเว็บไซต์มาวิเคราะห์ โปรดศึกษาเพิ่มเติมที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้